1. ปรับท่านั่งให้ถูกวิธี

• นั่งพิงพนักเก้าอี้ให้หลังตรง สะโพกพิงพนักเก้าอี้ เพื่อรองรับน้ำหนักตัวและกระจายแรงกดไปที่พื้นที่กว้าง
• ขาควรงอเป็นมุมประมาณ 90-100 องศา ปลายเท้าสามารถแตะพื้นได้สบาย เพื่อลดแรงกดบริเวณหลังส่วนล่างและต้นขา
• ปรับพนักพิงหลังให้เอนเล็กน้อยประมาณ 100-110 องศา เพื่อลดแรงกดบนหลังส่วนล่าง
• จัดจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตาหรือต่ำกว่าเล็กน้อย ระยะห่างประมาณ 50-70 ซม. เพื่อลดอาการปวดคอ

2. ลุกเปลี่ยนท่าทุก 10-15 นาที

• ยืดเหยียดร่างกายทุกๆ 60 นาทีเป็นอย่างน้อย โดยการลุกขึ้นยืนและเดินไปรอบๆ เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อและข้อต่อตึงเกร็งนานเกินไป
• ขณะยืนหรือเดิน ควรยืดคอ แขน หลัง และขาสลับกันบ้าง เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัวระหว่างนั่งทำงาน
• หากต้องทำงานต่อเนื่องนาน ควรลุกขยับร่างกายบ่อยๆ

3. เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการยืดเหยียด

• ยืดแขน หมุนตัวและก้มลงทุกๆ 2 ชม. ช่วยคลายกล้ามเนื้อ หลัง คอ และไหล่
• โน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับงอข้อศอกลงเพื่อยืดแขนและหลังส่วนบน
• เหยียดขาออกไปด้านหน้าเพื่อยืดกล้ามเนื้อต้นขาและน่อง
• หมุนรอบตัวเบาๆ หรือก้าวเท้าสลับกันไปด้านหน้า-หลัง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

4. จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

• วางโน้ตบุ๊กหรือจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่กึ่งกลางด้านหน้า เพื่อไม่ต้องบิดคอหรือลำตัวมากเกินไป
• จัดวางแป้นพิมพ์และเม้าส์อยู่ใกล้กัน เพื่อลดการเอื้อมแขนไปด้านข้าง
• จัดโต๊ะทำงานให้มีพื้นที่เพียงพอต่อการวางของที่ใช้งานบ่อย ไม่อึดอัดคับแคบ
• ปรับระดับพื้นโต๊ะให้สูงพอสมควร เพื่อไม่ต้องก้มลงมากจนเกิดแรงกดที่คอและไหล่

การปฏิบัติตามหลักเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดอาการเมื่อยล้า ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และป้องกันการบาดเจ็บจากการทำงานในระยะยาว ส่งเสริมสุขภาพร่างกายและประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

เลือกดูขาตั้งจอคอมพิวเตอร์ Mountain รุ่นต่างๆ คลิกที่นี่